"ผมรู้จักกับ เป๊ป มาเป็นเวลานาน เขาเป็นคนที่มีไอเดียเกี่ยวกับฟุตบอลมากมาย การมาทำงานกับเขาจึงเป็นสิ่งที่จะช่วยพัฒนาศักยภาพในตัวของผมได้มากสำหรับเส้นทางสายนี้" 

มิเกล อาร์เตต้า กล่าวถึงเหตุผลที่เขาเลือกร่วมงานกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

อาร์เตต้า ตัดสินใจเข้าร่วมแนวคิดนี้ที่ แมนเชสเตอร์​ ซิตี้ พร้อมกับคว้าแชมป์ได้มากถึง 5 รายการภายใต้การเป็นผู้ช่วยโค้ชของ เป๊ป โดย ผู้จัดการทีมชาวคาตาลัน ยอมรับว่า อาร์เตต้า คือมือขวาที่มีวิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยมกว่าคนรุ่นเดียวกันเยอะมาก

"เขาช่วยให้งานของผมราบรื่น ไม่ใช่แค่เรื่องฟุตบอลเท่านั้น แต่รวมถึงทุกสิ่งภายในสโมสร มิเกล เป็นบุคคลที่วิเคราะห์เกมเก่งมากและฉลาดในวิธีการแก้ปัญหาได้อย่างทันท่วงที" 

"ในอนาคตผมมั่นใจว่าเขาจะเป็นผู้จัดการทีมระดับโลกได้อย่างแน่นอน เขารักในการเอาชนะ นี่แหละคือสิ่งที่โลกของฟุตบอลต้องการ"

เป๊ป กล่าวตอกย้ำถึงความเก่งกาจของ อาร์เตต้า

ทันทีที่ อาร์เตต้า เข้ารับงานคุม อาร์เซนอล เขารีบแก้ปัญหาในส่วนของเกมรับที่เป็นจุดอ่อนของทีมทันที โดยมองเห็นจุดบอดเรื่องทัศนคติที่ผิดของเหล่ากองหลังมาตั้งแต่สมัยอยู่กับ ซิตี้ แล้ว นั่นก็คือเรื่องของการเข้าสกัดบอลที่มักจะคอยถอยหนีคู่แข่งมากกว่าวิ่งเข้าเพรสเพื่อแย่งบอลกลับคืนมา

"ผมคาดหวังให้ฟุตบอลของผมมีความกล้า ความทะเยอทะยาน และจะต้องเอนเตอร์เทนทั้งคนดูและตัวของนักเตะเองด้วย ผมไม่ชอบให้ทีมของผมต้องปรับเปลี่ยนแผนการเล่นตามคู่ต่อสู้ที่ต้องเจอตลอดเวลา เราต้องเป็นฝั่งที่ควบคุมเกม เราต้องเป็นฝ่ายเริ่ม ความคิดแบบนี้จะทำให้เปอร์เซ็นการคว้าชัยชนะมันเพิ่มจาก 50-50 เป็น 51-49 ตั้งแต่เริ่มเขี่ยลูกฟุตบอล"

ก็แบบที่กุนซืออันดับหนึ่งของโลกลูกหนังอย่าง เป๊ป เคยให้สัมภาษณ์ไว้นั่นแหละครับ อาร์เตต้า คือคนที่รักการเอาชนะ และรักในความก้าวหน้าของตัวเองอยู่เสมอ เขาสามารถข้ามผ่านอุปสรรคได้ตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นนักฟุตบอลไร้ชื่อเสียง จนพาตัวเองมาไกลกับการลงเล่นให้ทีมระดับ อาร์เซนอล ได้สำเร็จ อีกทั้งยังถีบจิตวิญญาณความเป็นผู้นำของตัวเองจนก้าวขึ้นมาเป็นกุนซือหน้าใหม่ในพรีเมียร์ลีก ที่สามารถพาทีมลุ้นแชมป์ได้ในปัจจุบัน โดยเฉพาะการเก็บชัยชนะเหนือทีมระดับ TOP 6 ได้อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเป็นภาพที่ไม่คุ้นชินของเหล่าบรรดาแฟนบอลในช่วงหลายปีหลัง

ยอมรับด้วยความสัตย์จริงนะ ตั้งแต่ อาร์แซน เวนเกอร์ อำลาทีมออกไป การเซ็นสัญญากับ มิเกล อาร์เตต้า คือดีลที่ดีที่สุดของสโมสรในความคิดของผม

เขียนโดย The Lite Team.